เฉดสีทาบ้าน 
ตกแต่งบ้าน,  บ้านเเละสวน

เฉดสีทาบ้าน 

เฉดสีทาบ้าน 

เฉดสีทาบ้าน 

เฉดสีทาบ้าน หากคุณมีแพลนรีโนเวทหรือสร้างบ้านใหม่ มาลองดูกันหน่อยว่า 5 เฉดสีทาบ้าน ที่มาแรงในปี 2022 นี้ มีสีไหนบ้างที่เหมาะกับบ้านของคุณ เพื่อให้คุณสามารถเลือก โทนสีทาบ้านภายใน ได้อย่างถูกใจเข้ากับสไตล์ของตัวเองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น โทนสีขาวยอดฮิตที่ทาแล้วก็ไม่มีเอาท์ สีเอิร์ธโทนที่เข้ากับสายมินิมอล หรือแม้แต่ เฉดสีเทาทาบ้าน ที่เหมาะกับคนชอบบ้านสไตล์ลอฟท์ โรงแรมพูลวิลล่าพัทยา

เฉดสีทาบ้าน สีขาวยอดฮิต 

ในอดีตการเลือกโทนสีทาบ้านภายในด้วยโทนสีขาวอาจจะมีแค่สีขาวธรรมดาๆทั่วๆไปแต่ในปัจจุบันนี้ได้มีการปรับเฉดสีขาวให้หลากหลายมากขึ้นเพื่อเพิ่มดีเทลและเทกเจอร์ของผนังอาทิโทนสีขาวออฟไวท์สีขาวอมเขียวหรือแม้แต่สีขาวอมส้มที่ให้อารมณ์แตกต่างจากสีขาวที่เราเคยเห็น 

โดยโทนสีขาวที่มาแรงก็คือสีขาวที่ให้โทนสว่างแต่ดูอบอุ่นนิดๆในสไตล์มูจิมินิมอลให้อารมณ์เหมือนบ้านญี่ปุ่นที่ดูคลีนๆสะอาดๆแต่ก็อบอุ่นอยู่ในตัวแล้วก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นเมื่อตกแต่งคู่กับไฟสีนวลๆจึงทำให้โทนสีนี้ติดอันดับเทรนด์สีมาแรงในปี 2022 นี้ไม่ว่าจะเป็น 

1. สีขาว Off-White โทนเย็น 

สำหรับโทนสีนี้จะให้อารมณ์ห้องที่ดูคลีนๆไม่ได้ดูขาวสว่างจ้าจนเกินไปซึ่งบางเฉดสีจะเป็นการนำโทนสีเย็นมาผสมเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้สีที่ดูเย็นและสบายตาเช่นสีขาวอมเขียวเฉดสีเทาทาบ้านหรือก็คือสีขาวควันบุหรี่ 

2. สีขาว Off-White โทนอบอุ่น 

หากเป็นสายมูจิที่หลงรักความมินิมอลเหมือนบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบสมัยใหม่ขอแนะนำสีขาว Off-White โทนอบอุ่นโดยโทนนี้จะเน้นไปที่สีขาวครีมขาวส้มและขาวเหลืองนวลๆเมื่อตกแต่งบ้านคู่กับเฟอร์นิเจอร์สีไม้หรือเบจแล้วดูเข้ากันจึงทำให้สีขาว Off-White โทนอบอุ่นเป็นโทนสีที่นิยมนำมาทาบ้านรวมถึงตามคาเฟ่ดังๆด้วยเช่นเดียวกัน 

เฉดสีทาบ้าน 

สีทาภายในโทนอบอุ่นและโทนร้อน 

หากเป็นคนที่ชอบความสว่างสดใสอยากให้บ้านมีอิริยาบถที่ดูสนุกนานและมีพลังอยู่ในตัวต้องยกให้กับโทนสี Warm Tone ซึ่งเป็นโทนที่มาแรงในปี 2022 ซึ่งตัวโทนสีก็ไม่ได้ออกแบบมาให้ดูสว่างจ้าหรือเข้มจนดูร้อนและอึดอัดมากเกินไปเพราะมีหลากหลายโทนสีทาบ้านภายในให้เลือก แบบห้อง ขาวดำ

นอกจากนี้ ข้อดีของสีโทนอบอุ่นและโทนร้อนก็คือ สามารถแมตช์ให้เข้ากับการตกแต่งภายในได้หลายแบบ ซึ่งก็นับว่าเป็นโทนสีที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวการออกแบบที่ดูหวาน ๆ เรียบ ๆ แต่ดูหรูหรา ไม่ว่าจะเป็น 

• สีชมพู – แดง ให้ความรู้สึกเหมือนคนมีความรัก หากต้องการความหรูหราควรเลือกสีที่เข้มขึ้น  

• สีพีช หรือสีพาสเทล ตัวสีให้ความรู้สึกหวานซ่อนเปรี้ยวระหว่างสีชมพู – ส้ม 

• สีส้ม มีให้เลือกตั้งแต่สีส้มอ่อน ๆ ออกขาวครีม จนถึงสีส้มอิฐ ที่สามารถออกแบบบ้านสไตล์รีสอร์ตได้

• เฉดสีเหลือง ซึ่งเป็นโทนสีทีค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม แต่ช่วยทำให้ได้บ้านที่ดูดี มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร 

: สำหรับเฉดสีม่วง เป็นโทนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวสีเป็นเฉดที่อยู่กึ่งกลางระหว่างโทนร้อนและเย็น ทั้งยังมีความโดดเด่นด้วยเฉดสีที่ไม่ซ้ำใคร จึงเป็นอีกหนึ่งสีที่เริ่มได้รับความนิยม และถูกหยิบยกมาทาบ้านมากขึ้น

สีทาภายในโทนเย็น

หากต้องการทำให้บ้านดูเย็นสบายรู้สึกสงบและมีสมาธิ HomeGuru ขอแนะนำโทนสีทาบ้านภายในโทนสีเย็นซึ่งเป็นอีกหนึ่งเฉดสีที่ฮอตฮิตในปี 2022 นี้โดยข้อดีของโทนสีนี้ก็คือช่วยทำให้ได้รู้สึกพักผ่อนอย่างแท้จริงมีความเย็นสบายไม่กักเก็บความร้อนจึงถูกนิยมนำมาทาห้องนอนห้องรับแขกห้องทำงานหรือแม้แต่ห้องนั่งเล่นมากที่สุด 

1. เฉดสีฟ้า – น้ำเงิน 

เป็นโทนสีที่ให้ความรู้สึกเรียบง่ายเย็นสบายและดูสุขุมโดยเฉพาะโทนสีน้ำเงินที่เหมาะกับบ้านสไตล์คันทรีทั้งยังเป็นโทนที่เหมาะกับหนุ่มๆที่ชอบความเรียบง่ายไม่หวือหวาแต่ก็ดูเท่และมีสไตล์ซึ่งโทนสีฟ้าและน้ำเงินเป็นสีที่ช่วยทำให้จิตใจสงบผ่อนคลายลดความกดดันได้ดีจึงเป็นอีกหนึ่งเฉดสีทาบ้านที่มาแรงและได้รับความนิยมพอสมควร

2. เฉดสีเขียว 

หากต้องการเพิ่มความสดชื่นให้กับห้องทั้งยังดูร่มรื่นเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติโทนสีเขียวก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งเฉดสีทาบ้านที่มาแรงทั้งในปี 2021 และ 2022 เนื่องจากเป็นโทนสีที่ดูเรียบง่ายทั้งยังเป็นสีที่ช่วยลดความเครียดได้ดีจึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องเผชิญกับความเครียดและความกดดันในชีวิตประจำวันอยู่บ่อยครั้งเช่นการเรียนการทำงานที่สำคัญคือเป็นเฉดสีที่ช่วยเรื่องการฟื้นฟูสายตาได้ดีหากใครที่ต้องทำงานแบบ Work from Home เฉดสีเขียวถือว่าตอบโจทย์ไม่ใช่น้อย 

เฉดสีทาบ้าน 

เฉดสีทาบ้าน สีเทา และสไตล์ลอฟท์

ไม่ว่าจะเป็นปีไหนเฉดสีเทาทาบ้านก็ยังคงมาแรงและไม่มีเอาท์เช่นเดิมด้วยโทนสีที่ดูคลาสสิกเรียบหรูและดูเย็นสบายโดยตัวสีก็มีทั้งสีเทาทั่วๆไปอาทิเทาอ่อนเทากลางเทาเจือม่วงเทาเจือฟ้าหรือแม้แต่เทาเข้มซึ่งความเข้มและอ่อนของสีก็จะบ่งบอกถึงสไตล์ของผู้เป็นเจ้าของห้องหรือเจ้าของบ้านได้ด้วยโดยเฉพาะเฉดสีเทาทาบ้านสีควันบุหรี่ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเหมาะกับคนที่ชอบความเท่ดิบมีสไตล์และดูมินิมอล 

นอกจากนี้ อีกหนึ่งเฉดสีที่ขาดไม่ได้คือ สีลอฟท์ที่มีลวดลายเฉพาะตัว เมื่อทาแล้วจะให้ความรู้สึกที่ดูมีเอกลักษณ์มากขึ้น ตัวผนังบ้านมีลูกเล่นมากกว่าเดิม ที่สำคัญคือ ตกแต่งคู่กับเฟอร์นิเจอร์ได้หลายแบบ รวมไปถึงการตกแต่งห้องด้วยต้นไม้สำหรับปลูกในบ้าน จึงทำให้ เฉดสีเทาทาบ้าน เป็นอีกหนึ่งเฉดสีทาภายในที่มาแรง ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่มีเอาท์เช่นเดิม

สีเอิร์ธโทน สำหรับสายมินิมอล

อีกหนึ่งโทนสีทาบ้านภายในที่มาแรงและดูมีเสน่ห์จนติด Top เฉดสีที่ฮิตต้อนรับปี 2022 ก็คือโทนสีเอิร์ธโทน (Earth Tone) ซึ่งเป็นเฉดสีที่แมตช์ค่อนข้างง่ายดูเรียบๆแต่ก็ดูมีมีเสน่ห์เช่นกันซึ่งในปัจจุบันก็เป็นเฉดสีที่ถูกนำมาตกแต่งคอนโดกันอย่างแพร่หลายรวมถึงการใช้เป็นสีทาภายในของบ้านยุคนี้ด้วยเช่นกัน 

โดยข้อดีของเฉดสีเอิร์ธโทนก็คือให้ความรู้สึกที่ดูอบอุ่นสงบดูเรียบๆไม่วุ่นวายเหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์นมีความมินิมอลอยู่ในตัวเช่นโทนสีน้ำตาลสีแดงอิฐสีเบจเรียกง่ายๆว่าเป็นกลุ่มสีจากธรรมชาติเพราะฉะนั้นสีเอิร์ธโทนจึงเหมาะสำหรับตกแต่งบ้านในปี 2022 นี้เพราะนอกจากจะให้ความรู้สึกเรียบง่ายเข้ากับธรรมชาติแล้วยังสามารถมิกซ์คู่กับเฉดสีอื่นๆได้อย่างที่ต้องการเช่นจับคู่กับเฉดสีเทาทาบ้านเพื่อทำห้องแบบทูโทนเป็นต้น 

สำหรับ 5 เฉดสีทาบ้านที่มาแรงและฮอตฮิตในปี 2022 ที่ทาง รวบรวมมาให้กับคุณนั้นเป็นโทนสีทาบ้านภายในที่สามารถออกแบบและดีไซน์ให้เข้ากับบ้านได้อย่างหลากหลายสไตล์แมตช์กับเฟอร์นิเจอร์ได้ง่ายทาแล้วไม่มีเอาท์

ทาสีบ้าน

บ้านแบบไหนที่คุณอยากได้?  

ก่อนเริ่มต้นลงมือหรือลงแรงทาสีบ้านใหม่สิ่งสำคัญคือการตัดสินใจและเลือกว่าอยากได้บ้านสไตล์ไหนเพราะนอกจากจะทำให้กำหนดงบประมาณในการซื้อสีและอุปกรณ์ต่างๆได้แล้วยังทำให้รู้ว่าการตกแต่งบ้านใหม่จะเป็นไปในทิศทางใดและต้องทาสีอย่างไรเพื่อให้ได้ผนังบ้านที่สวยที่สุดเช่นขั้นตอนการทาสีบ้านสไตล์ลอฟท์ก็ต้องใช้วิธีการทาแบบปาดสีซ้ายขวาสลับกันไปมาและต้องทำซ้ำ 2 รอบเพื่อให้ได้ลวดลายที่ดีที่สุดในขณะที่สีทับหน้าบางชนิดเพียงทาแค่ 1 ครั้งก็ได้สีที่สวยและคมชัดโดยไม่ต้องทาซ้ำ 

อุปกรณ์สำคัญ ก่อนเริ่มต้นทาสีบ้าน 

● เกรียง สำหรับการเคลียร์สีผนังเดิม โป๊วผนังและอุดรอยร้าว 

● แปรงทาสี ใช้ใน ขั้นตอนการทาสีบ้าน ตามบริเวณเล็ก ๆ เช่น ขอบมุม 

● ลูกกลิ้ง และด้ามต่อ ใช้สำหรับทาสีบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้าง 

● ถังสี สำหรับแบ่งสีที่ต้องการใช้ โดยเฉพาะการผสมสีกับน้ำก่อนทา

● ผ้าใบปูพื้น หรือกระดาษรอง เพื่อป้องกันพื้นเลอะเมื่อทาสี 

● กระดาษทราย ใช้สำหรับการเตรียมพื้นผิวเดิมให้เรียบเนียน 

● สก็อตเทป ใช้ปิดบริเวณที่ไม่ต้องการทาสี และป้องกันไม่ให้สีที่ทาเลอะหรือเลยขอบ 

● ฟองน้ำ สำหรับเช็ดทำความสะอาดพื้นผิว 

● ถาดกลิ้งสี ใช้ใส่สีที่ผสมก่อนทาลงบนผนัง 

● ถุงมือและผ้าปิดจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้มือเลอะและสูดดมสารเคมี 

8 ขั้นตอน วิธีทาสีบ้าน แบบช่างมืออาชีพ

ทาสีบ้าน

1. เคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย 

ก่อนเข้าสู่วิธีทาสีบ้านด้วยตัวเองสิ่งแรกเลยคือการเคลียร์พื้นที่บริเวณที่จะทาสีให้เรียบร้อยย้ายของออกให้หมดหลังจากนั้นนำกระดาษหรือผ้าใบปูพื้นมาปูเพื่อป้องกันพื้นเลอะจากการทาสีทั้งนี้หากเฟอร์นิเจอร์มีขนาดใหญ่และยุ่งยากต่อการขนย้ายอาจใช้วิธีหาผ้าหรือถุงมาคลุมก็ได้เช่นกัน 

2. ลอกสีเก่าด้วยเกรียง 

หลังจากเตรียมพื้นที่สำหรับทาสีบ้านให้คุณเริ่มทำการลอกสีเก่าออกด้วยเกรียงซึ่งเกรียงที่วางขายตามท้องตลาดก็มีหลากหลายแบบเพราะฉะนั้นควรเลือกเกรียงที่ใช้สำหรับแซะปูนเก่าเท่านั้นโดยขั้นตอนนี้อาจจะต้องทำอย่างระมัดระวังแต่หลักๆแล้วให้ขูดลอกสีเก่าออกให้หมดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจากการทาสีในภายหลัง 

3. ทำความสะอาดพื้นผิว 

สำหรับปัญหาพื้นผิวสกปรกมีคราบเชื้อราและตะไคร่น้ำให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเป็นตัวช่วยในการเคลียร์พื้นผิวเพื่อทำให้ผนังสะอาดมากที่สุดช่วยให้สีที่จะทาลงไปใหม่ออกมาสวยงามติดทนและทาสีง่ายมากขึ้นโดยในขั้นตอนนี้อาจจะใช้ฟองน้ำมาขัดผนังร่วมด้วย 

ที่สำคัญอย่าลืมว่าการทาสีบ้านหรือแม้แต่การทำความสะอาดพื้นผิวควรใช้ถุงมือและผ้าปิดจมูกทุกครั้งเพื่อไม่ให้ผิวหนังสัมผัสกับสารเคมีโดยตรงทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้สูดดมกลิ่นจากสีหรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้สำหรับการทำความสะอาดพื้นผิว 

4. อุดรอยโป๊ว แก้ปัญหารอยแตกร้าว 

หากพบว่าผนังบ้านมีรอยแตกลายงาหรือพื้นผิวไม่เรียบเนียนแนะนำว่าให้ซ่อมแซมด้วยการอุดรอยโป๊วก่อนอย่าเพิ่งลงสีรองพื้นปูนเก่าอย่างเด็ดขาดโดยการอุดรอยแตกร้าวสามารถใช้เกรียงร่วมกับอะคริลิกอุดโป๊วได้เลยแล้วรอให้แห้งประมาณ 8 ชั่วโมงเมื่อเรียบร้อยแล้วให้นำกระดาษทรายมาขัดเพื่อทำให้ผนังเรียบเนียนก่อนเริ่มต้นขั้นตอนการทาสีบ้านในลำดับต่อไป

: ความสำคัญของการอุดรอยแตกร้าวไม่ใช่แค่ทำให้พื้นผิวเรียบเนียนเท่านั้นแต่ยังช่วยให้สีทาเรียบเนียนเสมอกันและป้องกันไม่ให้เห็นรอยแตกลายงาชัดมากขึ้นได้ด้วย 

ทาสีบ้าน

5. ใช้เทปกาวปิดขอบที่ไม่ต้องการทา หรือให้สีทาบ้านเปื้อน 

ก่อนเริ่มต้นเข้าสู่วิธีทาสีบ้านขอแนะนำว่าให้คุณนำเทปกาวหรือสก็อตเทปที่เตรียมไว้มาปิดบริเวณที่ไม่ต้องการทาสีให้เรียบร้อยรวมไปถึงขอบประตูและหน้าต่างเพื่อให้คุณทาสีบ้านได้อย่างไร้กังวลทาง่ายขึ้นและไม่ต้องมานั่งกลัวว่าสีจะเลอะแล้วต้องมานั่งเก็บงานหลายเที่ยว click here

6. ทาสีรองพื้นปูนเก่า 

ขั้นตอนการทาสีบ้านให้สวยตรงตามที่เลือกซื้อมากที่สุดคือการทาสีรองพื้นปูนเก่าโดยสีรองพื้นปูนเก่าควรเลือกใช้สูตรที่ทำจากกาวอะคริลิกเพราะนอกจากจะทำให้ยึดเกาะพื้นผิวได้ดีแล้วยังช่วยทำให้สีทาทับหน้าไม่เสื่อมสภาพด้วยโดยให้ทาทั่วผนังเป็นจำนวน 1 รอบแล้วทิ้งไว้รอแห้งประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงก่อนลงสีทับหน้า

นอกจากนี้สีรองพื้นที่วางจำหน่ายในท้องตลาดบางรุ่นก็เป็นสูตรน้ำที่มีกลิ่นอ่อนบางรุ่นก็มีกลิ่นน้ำมันที่แรงกว่าแต่ให้จำเอาไว้เลยว่าทั้งสองแบบไม่ได้มีประสิทธิภาพการยึดเกาะที่ต่างกันสามารถใช้ได้ทั้งการทาสีภายในและทาสีภายนอก 

7. ทาสีทับหน้า 

เมื่อสีรองพื้นปูนเก่าแห้งและพร้อมสำหรับการลงสีทาบ้านแล้ววิธีทาสีบ้านด้วยตัวเองในขั้นตอนต่อมาคือการลงสีทับหน้าซึ่งก่อนลงสีให้ดูก่อนว่าสีที่ซื้อมาต้องผสมกับน้ำในอัตราส่วนเท่าไหร่โดยข้อมูลเหล่านี้จะระบุเอาไว้บริเวณข้างถังสีเมื่อรู้แล้วว่าต้องผสมอย่างไรก็ให้นำสีมาผสมในถาดกลิ้งสีได้เลย 

หลังจากที่ผสมสีเป็นที่เรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อมาให้นำแปรงทาสีจุ่มสีผสมไว้มาทาบริเวณขอบก่อนเพื่อเป็นการเก็บรายละเอียดในจุดที่ลูกกลิ้งอาจจะเข้าไม่ถึงไม่ว่าจะเป็นขอบประตูหน้าต่างหรือขอบบริเวณผนัง  และเมื่อทาบริเวณซอกเล็ก ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทาสีทับหน้าบริเวณผนังด้วยลูกกลิ้งต่อได้เลย แนะนำว่า ให้ทาโดยไล่จากบริเวณขอบ ๆ ก่อน แล้วทาเป็นรูป W ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้สีที่เรียบเนียนและเป็นเนื้อเดียวกัน 

สำหรับสีทับหน้าบางยี่ห้อก็อาจจะต้องทาซ้ำ 2 รอบ ในขณะที่สีบางรุ่นก็สามารถทาเพียงครั้งเดียวได้โดยไม่ต้องทาทับ เพราะฉะนั้น อย่าลืมเช็ก และดู ขั้นตอนการทาสีบ้าน ที่เลือกใช้ทุกครั้ง 

8. เก็บรายละเอียด และเช็กความเรียบร้อย 

ขั้นตอนสุดท้ายของวิธีทาสีบ้านด้วยตัวเองก็คือการเก็บรายละเอียดของการทาสีและตรวจดูความเรียบร้อยซึ่งขั้นตอนนี้เราจะมาดูหลังจากที่สีแห้งสนิทดีแล้วเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 1 วันเท่านั้นโดยเมื่อลอกเทปออกก็จะเห็นว่ามีจุดไหนบ้างที่ยังไม่เรียบร้อยและต้องเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมเพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการทาสีบ้านด้วยตัวเอง